วันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560


 สาร มาลาไทออน (Malathion)



สาร มาลาไทออน เป็นอีกหนึ่งสารที่อันตรายมีอยู่ในยาฆ่าเเมลงต่างๆที่เราเห็นในห้างสรรพสินค้า หรือบางบ้านซื้อมากำจัด มด เเมลง ในบ้าน โดยสารนี่เป็นสารอันตรายเป็นพิษต่อระบบประสาท ผู้ใช้อาจได้รับสารนี้โดยไม่รู้ตัว ได้ค่ะ

สารมาลาไทออนคืออะไร

       มาลาไทออน เป็นสารกำจัดแมลงกลุ่มออร์แกนโนฟอสเฟตอีกตัวหนึ่งซึ่งใช้ได้กับแมลงหลายชนิด จัดว่ามีพิษต่ำกว่าสารในกลุ่มออร์แกนโนฟอสเฟตตัวอื่นๆ มีผลรบกวนระบบประสาททั้งของแมลงและมนุษย์โดยยับยังเอ็นไซม์โคลีนเอสเทอเรส แต่แมลงจะไวต่อมาลาไทออนมากกว่ามนุษย์ มาลาไทออนเป็นของเหลวสีเหลืองถึงสีน้ำตาล กลิ่นคล้ายสกังค์หรือกระเทียม  ละลายได้เล็กน้อยในน้ำ ไม่ระเหยที่อุณหภูมิห้อง  ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางทั้งในแปลงเกษตร และภายในบ้าน โรงเรียน โรงพยาบาล  เป็นสารสังเคราะห์ที่อยู่ในกลุ่มสารกำจัดแมลงที่มีความเป็นพิษ  อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์มาลาไทออนที่มีส่วนผสมอื่นๆร่วมด้วยอาจมีคำเตือนตั้งแต่ “Caution” (ความเป็นพิษต่ำ) 




ผลกระทบของสารต่อร่างกาย
       ผู้ที่มีโอกาสเกิดพิษของมาลาไทออนมักเป็นผู้ที่ทำงานในฟาร์ม เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ฉีดพ่น และผู้ที่ทำงานในโรงงานผลิต การฉีดพ่นมาลาไทออนจะต้องระมัดระวังประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงซึ่งอาจจะได้รับสารโดยไม่รู้ตัว  นอกจากนั้นไม่ควรให้เด็กมาเล่นในใกล้เคียงบริเวณที่ฉีด  มาลาไทออนเป็นพิษต่อระบบประสาทโดยยับยั้งเอ็นไซม์โคลีนเอสเทอเรส และพบว่ามีผลต่อระบบประสาทอื่นๆด้วยเช่น ทำลายประสาทสัมผัส และการเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นต้น  มาลาไทออนจัดเป็นยาฆ่าแมลงที่ความสัมพันธ์กับการป่วยบางชนิดเช่น การมีน้ำตาลในปัสสาวะและในเลือดสูงกว่าปกติ และระดับ  สูงขึ้น  มาลาไทออนถูกดูดซึมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพผ่านทางเดินอาหาร ผิวหนัง เยื่อเมือก และปอด  ถูกขับถ่ายทางปัสสาวะและอุจจาระ อาการพิษอย่างเฉียบพลันสำหรับผู้ได้รับมาลาไทออนในปริมาณสูงมาก คือ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน สั่น กระเพาะเกร็ง เหงื่อออก เห็นภาพไม่ชัด กดการหายใจ การเต้นของหัวใจช้าลง อาจถึงตายได้  แต่ถ้าได้รับการปฐมพยาบาลที่ถูกต้องเหมาะสมจะไม่เกิดผลในระยะยาว   ถ้าได้รับมาลาไทออนในปริมาณที่ต่ำกว่าผลกระทบต่อระบบประสาท จะไม่เกิดความเป็นพิษ 

ทินเนอร์ (Thinner)



ทินเนอร์เป็นอีกหนึ่งสารระเหยที่พบเจออยู่ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็น สีเคลือบ น้ำยาเคลือบเงา สีทาบ้าน เป็นต้น ที่เป็นอันตรายมากหากมีการสูดดมเป็นเวลานานอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ค่ะ 

ทินเนอร์คืออะไร
     เป็นผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยตัวทำละลายอินทรีย์ระเหยง่ายหลายชนิดผสมกัน มีลักษณะเป็นของเหลวใส ระเหยง่าย มีกลิ่นฉุน เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับละลาย และเจือจางสี น้ำยาเคลือบเงา เพื่อลดความหนืด และเจือจางให้สีเหมาะ และง่ายต่อการใช้งาน




ผลกระทบของทินเนอร์ต่อร่างกาย
-เป็นวัตถุไวไฟ และเป็นพิษ ห้ามรับประทานหรือสูดดม ควรใช้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี
- ไอระเหยสามารถกระจายไปได้ในระยะไกล สามารถทำให้ติดไฟและเกิดระเบิดได้ ไม่ควรใช้ในสถานที่อับลม ที่มีสวิทซ์ไฟ เครื่องทำความร้อน เครื่องไฟฟ้าที่ไม่มีระบบกันการระเบิดหรือมีเปลวไฟและประกายไฟ
-สารประกอบพวกไฮโดรคาร์บอน ที่ใช้ ได้แก่ โทลูอีน , เบนซีน  และไซลีน สารเหล่านี้มีฤทธิ์กดประสาท และหลอนประสาท โดยเฉพาะโทลูอีน หากนำมาสูดดมจะทำให้รู้สึก เคลือบเคลิ้ม สนุกสนาน หากสูดดมมากจะทำให้รู้สึกมึนเมา พูดจาไม่ชัดเจน มีอาการประสาทหลอน ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
-หากมีการสูดดมมาก และเป็นระยะเวลายาวนาน จะทำให้ระบบทางเดินหายใจระคายเคือง เยื่อบุในระบบทางเดินหายใจถูกทำลาย หลอดเลือดฝอยแตก มีการอักเสบของระบบทางเดินหายใจ และทำให้เกิดความล้มเหลวของระบบหายใจตามมา

สาร ไฮโดรเจนคลอไรด์ Hydrogen Chloride ในน้ำยาล้างห้องน้ำ


ในปัจจุบัน ห้องน้ำของทุกบ้านเรือนจะก่อสร้างขึ้นจากปูนซีเมนต์ และมักปูพื้นด้วยกระเบื้อง ซึ่งวัสดุเหล่านี้ เมื่อสัมผัสกับน้ำเป็นเวลานานก็จะทำให้เกิดคราบสกปรกเกิดขึ้น หากปล่อยคราบไว้นานมักขัดทำความสะอาดยากค่ะ ดังนั้น ปัจจุบันจึงมีผลิตภัณฑ์สารเคมีที่สามารถช่วยขจัดคราบเหล่านั้นให้ง่ายขึ้น หรือมักเรียกทั่วไปว่า น้ำยาล้างห้องน้ำ นั่นเองค่ะ เเต่ทุกคนจะรู้หรือไม่ว่ายังมีอันตรายจากสารเคมีที่มาจากน้ำยาล้างห้องน้ำเป็นอันตรายต่อผู้ใช้อย่างไร

สารไฮโดรเจนคลอไรด์คืออะไร
       เป็นก๊าซมีพิษ ไม่มีสี มีฤทธิ์กัดกร่อน เมื่อสัมผัสความชื้นจะเกิดควันสีขาว ควันนี้จะประกอบด้วย กรดไฮโดรคลอริกซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไฮโดรเจนคลอไรด์ละลายในน้ำ ก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์และกรดไฮโดรคลอริกเป็นสารเคมีที่มีความสำคัญในทาง เคมี วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ อุตสาหกรรมมาก





ผลกระทบของสารต่อร่างกาย
 1. ไอระเหยของก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์มีฤทธิ์  ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ
2. น้ำยาล้างห้องน้ำมีฤทธิ์เป็นกรด เมื่อสัมผัสกับผิวหนังในร่างกายจะทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวหนังไหม้ ปวดแสบปวดร้อน และเกิดผื่นแดงหรืออาจเกิดแผลอักเสบได้ หากสัมผัสกับผิวหนังให้รีบล้างออกทันที
3. หากน้ำยาสัมผัสกับตา อาจทำให้ตาบอดได้ เมื่อสัมผัสจะต้องรีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที แต่หากล้างน้ำแล้วอาการไม่ดีขึ้น ให้รีบพบแพทย์ทันที
4. การรับประทานน้ำยาโดยตรงจะทำให้เยื่อบุในระบบทางเดินอาหารระคายเคือง เกิดอาการแสบร้อน ปวดท้องอย่างรุนแรง คลื่นไส้อาเจียน เยื่อบุเป็นแผล และอาจทะลุได้ แต่หากพบผู้ป่วยกลืนกิน ห้ามทำอาเจียน แต่ให้ดื่มนมหรือน้ำมากๆ พร้อมรีบนำส่งแพทย์ทันที

วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560

สาร สีผสมอาหาร 


ทุกคนรู้หรือไม่ว่าอาหารสีสรรสวยงามที่มีวางขายในท้องตลาด สามารถทำให้คุณเสียชีวิตได้ หากกินเป็นประจำซื้อทานบ่อยๆ หรือว่าหากทานในปริมาณที่มากอาจมีผลเสียต่อผู้บริโภค ฉะนั้นผู้ที่จะใส่ใจในเรื่องนี้คงจะต้องเป็นผู้บริโภคอย่างเราๆ แล้วล่ะ ที่จะต้องมาทำความรู้จักกับอันตรายของสีที่ใช้ผสมลงไปในอาหารของเราแล้วจะก่อให้เกิดอันตรายถึงกับชีวิตของเราได้ค่ะ


สีผสมอาหารคืออะไร
                 สีผสมอาหาร  เป็นสีย้อม สารสีหรือสารใด ๆ ที่ให้สีเมื่อเพิ่มในอาหารหรือเครื่องดื่ม มีหลายรูปแบบทั้งของเหลว ผง เจลและสีป้าย สีผสมอาหารใช้ทั้งในการผลิตอาหารเชิงพาณิชย์และในการประกอบอาหารในบ้าน เนื่องจากความปลอดภัยและหาได้ทั่วไป สีผสมอาหารยังใช้ประโยชน์นอกเหนือจากอาหารได้หลายอย่าง รวมถึงเครื่องสำอาง ยา โครงการงานทำมือและอุปกรณ์การแพทย์


ผลกระทบของสารต่อร่างกาย
                      อันตรายจากสารเคมีที่เป็นสี อาจเป็นสาเหตุให้เกิดเนื้องอกหรือมะเร็งที่อวัยวะในระบบทางเดินอาหารและกระเพาะปัสสาวะ

 อันตรายจากโลหะหนักที่ปะปนอยู่ในสี ได้แก่ ตะกั่ว สารหนู เนื่องจากสีที่ไม่ใช่สีผสมอาหาร จะไม่มีการควบคุมปริมาณโลหะหนัก การได้รับโลหะหนักเข้าไปในร่างกายมากๆ หรือเป็นประจำ จะเกิดการสะสมพิษในร่างกายอาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

 พิษจากสารหนู เมื่อเข้าไปในร่างกายจะสะสมในกล้ามเนื้อ กระดูก และผิวหนังเป็นส่วนมาก และมีการสะสมในตับและไตด้วย เมื่อมีสารหนูสะสมในร่างกายมากจะทำให้มีอาการอ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง เกิดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารดลหิตจาง หากได้รับสารหนูปริมาณมาก ในครั้งเดียว จะเกิดพิษต่อร่างกายทันที มีอาหารปากและโพรงจมูกไหม้เกรียมแห้ง ทางเดินอาหารผิดปกติ กล้ามเนื้อเกร็ง เพ้อคลั่ง นอกจากนี้อาจพบว่าหน้าบวม หนังตาบวมด้วย

สาร Morphine มอร์ฟีน


มอร์ฟีนเป็นสารเสพติดอีกชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ในการบรรเทาอาการปวดในทางการเเพทย์เท่านั้นซึ่งมอร์ฟีนยังเป็นสารเสพติดที่ผิดกฎหมายอีกประเภทหนึ่งออกฤทธิ์กดประสาทที่เป็นตรายเพราะฉะนั้นหากมีการใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดก็ควรใช้ตามเเพทย์สั่งค่ะ

สารมอร์ฟีนคืออะไร
ยามอร์ฟีน  เป็นสารที่ถูกระบุให้เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 ตามกฎหมายของไทย ทางคลินิกได้นำมาใช้เป็นยาเก้ปวด เป็นเวลายาวนานร่วม 100 ปีแล้ว โดยปกติยาที่ใช้รักษาอาการปวดอาจจะมีอยู่หลายสูตรตำรับ สำหรับอาการปวดชนิดที่ไม่สามารถใช้ยาเเก้ปวดต่างๆบำบัดได้แล้ว แพทย์จะหันมาใช้มอร์ฟีนซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือก อีกทั้งการตอบสนองของอาการปวดกับผู้ป่วยจัดอยู่ในเกณฑ์เป็นที่น่าพอใจ แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังสำหรับการใช้มอร์ฟีนคืออาการติดยาซึ่งมักจะเกิดหลังใช้ยาเพียงไม่นาน
สารมอร์ฟีนพบมากในพืชตระกูลฝิ่นถูกสกัดได้ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1804 (พ.ศ. 2347) จากนั้นใช้เวลาอีกประมาณ 50 ปีกว่าก็มีการพัฒนามอร์ฟีนมาเป็นในรูปแบบยาฉีดและใช้กันอย่างแพร่หลายในทางคลินิก ปัจจุบันจะพบเห็นการใช้ยามอร์ฟีนในลักษณะยาชนิดรับประทาน ยาฉีด ยาพ่น ยาเหน็บทวาร


ผลกระทบของมอร์ฟีนต่อร่างกาย
ยามอร์ฟีนสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ดังนี้เช่น มีอาการชัก คลื่นใส้ อาเจียนปากเเห้ง ท้องผูกปัสสวะไม่ออก ปวดศรีษะชีพจรเต้นผิดปกติ ตัวเย็น อาจมีผื่นคันหรือลมพิษขึ้นตามผิวหนัง หัวใจเต้นเร็วหรือช้าผิดปกติตาพร่า มีอาการเหงื่ออกมาก อาจรู้สึกหงุดหงิดหรือเคลิบเคลิ้ม และสามารถติดยาได้
สำหรับผู้ที่ได้รับยามอร์ฟีนเกินขนาดจะมีอาการหายใจไม่ออก/หายใจลำบาก ซึม ซึ่งเมื่อพบอาการเหล่านี้ต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที ซึ่งแพทย์จะให้การรักษาโดยให้ผู้ป่วยได้ รับออกซิเจนอย่างเพียงพอและอาจใช้ยา Naloxone เพื่อแก้พิษของมอร์ฟีน แต่ทั้งนี้ขึ้นกับดุล พินิจของแพทย์ผู้รักษา

วันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2560


 สารปรอท (Mercury)




สารปรอทเป็นสารอันตรายอีกชนิดหนึ่งที่ถูกผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ทาหน้าขาวที่สาวๆหลายมักใช้โดยไม่คำนึงถึงผลร้ายที่ตามมาหรืออาจไม่มีความรู้เกี่ยวกับสารปรอทที่มีผลกระทบต่อชีวิตค่ะ วันนี้เรามีความรู้เกี่ยวกับสารปรอทเบื้องต้นมาให้ความรู้ลองศึกษากันค่ะ

สารปรอทคืออะไร
ปรอทเป็นโลหะสีขาวคล้ายเงิน เป็นของเหลวที่อุณหภูมิปกติ สามารถทำให้เป็นของแข็งได้แต่เปราะที่อุณหภูมิปกติ ปรอทสามารถระเหยกลายเป็นไอได้ ทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ง่ายขึ้น

ผลกระทบของสารปรอทต่อร่างกาย
เป็นสารที่ทำให้เกิดอาการการแพ้ หรือระคายเคืองได้อย่างรุนแรง อันตรายต่อระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และไตอักเสบ มักพบในเครื่องสำอางที่ทำให้สีผิวจาง ลดสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ที่ไม่ได้มาตรฐาน สารปรอทสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น สูดดมเข้าทางปอด หรือถูกดูดซึมผ่านทางลำไส้เล็กหากมีการกลืนกินสารนี้เข้าไป แม้แต่การทาที่ผิวหนังสารปรอทก็จะถูกดูดซึมเข้าไปสะสมในร่างกาย









สาร Steroids สเตียรอยด์



สารสเตียรอยด์นั้นถูกผสมอยู่ในยาอาหารเสริมต่างๆหรือครีมลดริ้วรอยซึ่่งสารสเตียรอยด์ทั้งคุณเเละโทษในรูปเเบบต่างๆ หากได้รับน้อยๆในระยะเวลาสั้นๆ อาจไม่มีผลใดๆหากได้รับเป็นประจำอาจส่งผลรุนเเรงหลายอย่างได้ค่ะ เพราะฉะนั้นเรามาศึกษาโทษของมันเเละหาทางหลีกเลี่ยงค่ะ
สารสเตียรอยด์คืออะไร?
สเตียรอยด์ เป็นชื่อเรียกโดยย่อของกลุ่มยาที่มีชื่อเต็มว่า corticosteroid ยา กลุ่มนี้มีฤทธิ์และข้อบ่งใช้มากมาย สามารถใช้ในโรคหรือภาวะต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย
  สเตียรอยด์ประเภทใช้ภายนอก สามารถแบ่งตามรูปแบบของยาและตัวอย่างของโรคที่ใช้ได้ ดังนี้
     - ยาทา (ทั้งในรูปครีม โลชัน ขึ้ผึ้ง) สำหรับรักษาผื่นแพ้ ลมพิษ ผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน
     - ยาหยอดตา ยาป้ายตา ยาหยอดหู สำหรับรักษาภูมิแพ้หรืออักเสบที่ตาและหู
     - ยาพ่นจมูก สำหรับรักษาโรคภูมิแพ้ที่มีอาการทางจมูก ริดสีดวงจมูก
     - ยาพ่นคอ สำหรับรักษาโรคหืด ภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดอาการหอบ

ผลกระทบของสารสเตียรอยด์ต่อร่างกาย
ถ้ากินหรือฉีดยาสเตียรอยด์ในขนาดน้อยๆ เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ มักไม่ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง แต่ถ้ากินหรือฉีดต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะก่อให้เกิดผลเสียที่รุนแรงหลายประการด้วยกัน ได้แก่ติดเชื้อโรค (ยากดการทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกาย) เป็นเบาหวาน (ยาทำให้น้ำตาลในเลือดสูง)บวมและความดันโลหิตสูง (ยาทำให้ขับน้ำลดลง แต่เพิ่มการสะสมไขมันที่หน้า หลังและท้อง) กระดูกพรุน (ยารบกวนสมดุลการสร้างกระดูก) รวมทั้งเป็นแผลในทางเดินอาหาร ผิวหนังเหี่ยวย่นและบาง ตาเป็นต้อ การทำงานของต่อมหมวกไตผิดปกติ รบกวนการเจริญเติบโตในเด็ก เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมียาสมุนไพรบางชนิดที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน อย. ที่แอบใส่สารสเตียรอยด์ เพื่อให้ผลการรักษาที่ดีตามสรรพคุณที่โฆษณาไว้ ทำให้เราอาจได้รับสเตียรอยด์โดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน อย. ตรวจส่วนผสมของยาก่อนทาน และควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนทานยาทุกครั้ง




สาร Salbutamol (ซัลบูตามอล) สารเร่งเนื้อเเดง 

สำหรับสารเร่งเนื้อเเดงคนส่วนมากมักประกอบอาหารโโยต้องใช้เนื้อเป็นส่วนมากเเต่ทุกคนรู้หรือไม่ค่ะว่าในเนื้อหมูที่เราซื้อมาสีเเดงสดนั้นมีสารอะไรปนเปื้อนอยู่ซึ่งอาจมีอันตรายต่อชีวิตผู้บริโภคดังนั้นเราควรศึกษาเเละหาทางหลีกเลี่ยงเนื้อหมูที่ปนเปื้อนได้ค่ะ

สารเร่งเนื้อเเดงคืออะไร
ในท้องตลาดผู้บริโภคเคยเห็นหมูเนื้อแดงซึ่งมีแต่เนื้อล้วนๆ ไม่มีมันเลย ซึ่งมาจากความต้องการของผู้บริโภค ที่ต้องการเนื้อแดงล้วนๆไม่มีมันเลย ผู้เลี้ยงจึงให้หมูกินสารเคมี คือ ซาลบูตามอล
ซาลบูตามอล เป็นยาสำคัญที่ใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด ช่วยในการขยายหลอดลม และมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจ เมื่อมีการนำสารซาลบูตามอลไปใช้เร่งเนื้อแดงในหมู โดยให้หมูกินสารนี้ เมื่อตกค้างมาถึงผู้บริโภค
ผลกระทบของสารเร่งเนื้อแดงต่อร่างกาย
สารซาลบูตามอล อาจมีผลข้างเคียงทำให้มีอาการมือสั่น กล้ามเนื้อกระตุก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ กระวนกระวาย วิงเวียนศีรษะ บางรายมีอาการเป็นลม คลื่นไส้อาเจียน เป็นอันตรายมากสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยเบาหวาน หญิงมีครรภ์

คำแนะนำ ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยง ไม่กินเนื้อหมูที่มีสารดังกล่าว โดยเลือกหมูที่มีชั้นมันหนา และเลือกหมูที่อยู่ในลักษณะสีไม่แดงมาก


วันอังคารที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Polycyclic Aromatic Hrdrocarbons  PAH (โพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน) 



สาร PAH  ที่พบในการใหม้เกรียมของอาหาร ปิ้ง ย่าง อาหารรมควัน ไก่ย่า หมูปิ้ง สารนี้เกิดจากในขณะที่เราย่างน้ำมันของเนื้อจะหยดลงเตาไฟเเละเขม่าจะลอยมาเกาะติดกับเนื้อ เเล้วเรานำไปรับประทานอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้หากเรารับประทานบ่อยหรือรับประทานมาก อาจไปสะสมในร่างกายเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งได้ค่ะ

 สาร PAH คืออะไร


โพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน หรือ พีเอเอช เป็น
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่ประกอบด้วยวงเบนซีนตั้งแต่ 2 วงขึ้นไป จัดเรียงเป็นเส้นตรง เป็นมุม หรือเป็นกลุ่ม มีเฉพาะอะตอมของไฮโดรเจนและคาร์บอน ส่วนใหญ่ไม่ละลายน้ำแต่ละลายได้ดีในไขมัน
          PAHs  เป็นสารที่ค่อนข้างร้ายเเรงมาก ส่วนใหญ่เป็นสารเริ่มต้นของสารกลายพันธุ์(Premutagen)และสารเริ่มต้นของสารก่อมะเร็ง (Precarcinogen)พบในเขม่าควันไฟ ไอเสียของเครื่องยนต์ น้ำมันดิบ นอกจากนี้ยังเกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของสารอินทรีย์ เช่น ไขมันที่อยู่ในเนื้อสัตว์ น้ำมัน และไฮโดรคาร์บอนชนิดอื่นๆ ดังนั้นจึงพบสารชนิดนี้ในส่วนที่ไหม้เกรียมของอาหาร ปิ้ง ย่าง อาหารทอดกรอบ อาหารรมควัน นอกจากนี้ยังพบสาร PAH คล้ายคลึงกับการเผาไหม้ในเครื่องยนต์ บุหรี่ และเตาเผาเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม  สารกลุ่มนี้ได้รับการยอมรับว่าทำให้เกิดมะเร็งในคนได้ ถ้าได้รับการสัมผัสทางผิวหนังก็จะเป็นมะเร็งที่ผิวหนัง ถ้าได้รับการสูดดมเข้าไปก็จะเป็นมะเร็งที่ปอด 
 
พบใน



 สารชนิดนี้พบในการไหม้เกรียมของอาหาร  ปิ้ง  ย่าง  อาหารรมควัน  และสาร PAH จะเกิดได้มากกับเนื้อสัตว์ที่มีไขมันติดอยู่ด้วยได้แก่  หมูย่างติดมัน  เนื้อย่างติดมัน  ไก่ย่างส่วนที่มีมัน เช่น บาร์บีคิว ไก่ย่างหมูปิ้ง หมูหัน ปลาเผา  สเต็กเนื้อ ไส้ย่าง เป็นต้น   เนื่องจากขณะปิ้งย่างมันจะหยดลงไปบนเตาไฟ  และเขม่าซึ่งจะลอยขึ้นมาเกาะติดกับกับชิ้นของเนื้อสัตว์


    




ผลกระทบของสารต่อร่างกาย

การรับประทานอาหารประเภทปิ้ง  ย่างเป็นประจำ จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง และจากผลการวิจัยพบว่าสารอะครีลาไมด์นี้เป็นพิษต่อระบบประสาททั้งในคนและ สัตว์ และยังมีผลต่อระบบสืบพันธุ์ด้วย จากผลการวิจัยในสัตว์ทดลอง พบว่าสารนี้เป็นสารก่อมะเร็ง โดยทำให้สัตว์เป็นมะเร็งที่บริเวณลำไส้ใหญ่ เต้านม มดลูก อัณฑะ ปอด ตับ ต่อมลูกหมาก ต่อมธัยรอยด์ ช่องปาก และผิวหนัง และในปัจจุบันพบผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งตามอวัยวะดังกล่าวสูงมาก ซึ่งนักวิจัยส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าอาหารในกลุ่มนี้มีการผ่านกรรมวิธีที่ก่อ ให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้มากที่สุด เพราะนอกจากอาหารที่ใช้ความร้อนสูงและใช้เวลานานๆ จะเป็นต้นเหตุให้เกิดสารก่อมะเร็งที่เป็นตัวการให้เกิดมะเร็งบริเวณอวัยวะ ต่างๆ


  







  

สาร Sodium Benzoate ( โซเดียมเบนโซเอต)


สำหรับสาร Sodium Benzoate หรีอสารกันบูด นั้นถูกผสมอยู่ในอาหารที่ทุกคนบริโภคอยู่จำนวนมาก เช่น อาหารกระป๋อง อย่าง ปลากระป๋อง เงาะกระป๋อง เป็นต้น เเละอาหารประเภท หมัก ดอง ผักกาดดอง หน่อไม้ดอง ผลไม้ดอง เเละผู้ผลิตยังผสมสารกันบูดในขนมต่างๆด้วย การที่คนเราจะบริโภคอาหารที่มี่สารกันบูดอาจส่งผลไม่ดีนักต่อสุขภาพ น่ะค่ะ ดังนั้นเราควรหลีกเลี่ยงโดยการซื้ออาหารสดมาประกอบอาหารกินเองดีกว่าคะ


 สาร Sodium Benzoate คืออะไร
 เป็นวัตถุเจือปนอาหารเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และเชื้อราบางชนิด โดยทั่วไปแล้วจะค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็พบว่าทำให้เกิดอาการแพ้ได้ โดยเฉพาะคนที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้
นอกจากนี้การ ใช้ในปริมาณที่สูงจะทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร พิษกึ่งเฉียบพลันคือจะทำให้น้ำหนักลด ท้องเสีย ระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อต่างๆเลือดออกในร่างกาย ตับ ไตใหญ่ขึ้น เป็นอัมพาตและตายในที่สุด ถ้าได้รับสารนี้เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการก่อกลายพันธุ์และทารกในครรภ์มีรูปวิปริต

                                           
          ดังนั้นผู้ผลิตอาหารที่ใช้สารกันบูดผสมลงในอาหารต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของ ผู้บริโภค เลือกใช้สารกันบูดให้เหมาะสมกับชนิดของอาหารแต่ละประเภทในปริมาณที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนดให้ใช้เท่านั้น ทั้งนี้ผู้ผลิตอาจจะได้รับโทษตามกฎหมาย ซึ่งข้อแนะนำในการเลือกซื้ออาหาร

ผลกระทบของสารต่อร่างกาย
 -พบว่าทำให้เกิดอาการแพ้ได้ โดยเฉพาะคนที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้
 -หากใช้ในปริมาณที่สูงจะทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร
- ท้องเสีย
- ระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อต่างๆเลือดออกในร่างกาย ตับ ไตใหญ่ขึ้น เป็นอัมพาตและตายในที่สุด
- ถ้าได้รับสารนี้เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการก่อกลายพันธุ์และทารกในครรภ์มีรูปวิปริต


สาร โซเดียม เบนโซเอต (สารกันบูด)

วิธีหลีกเลี่่ยง
          อย่างไรก็ตามการใช้วัตถุกันเสียในการถนอมอาหารตามสัดส่วนที่ อย.ระบุว่าปลอดภัยแม้ว่าจะไม่มีอันตราย แต่การหลีกเลี่ยงบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของวัตถุกันเสีย เช่นน้ำผลไม้ ,ซอสฯ ,ฯลฯ ก็น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดต่อสุขภาพร่างกายของเรา ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆนอกจากจะดู วันผลิต วันหมดอายุแล้ว ควรอ่านฉลากอาหารว่ามีวัตถุกันเสียหรือไม่ มากน้อยเพียงใด การรับประทานอาหารที่มาจากธรรมชาติและให้ครบ 5 หมู่ ก็จะนำมาซึ่งสุขภาพที่ดีได้     
สารกันบูดจะถูกผสมอยู่ในอาหารกระป๋องเเละขนมต่างเพื่อคงความสดใหม่ไม่บูดไม่เน่าเสีย

เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากสารเคมีในอาหาร เวลาซื้ออาหารสำเร็จรูปที่บรรจุในกล่อง ขวด หรือกระป๋อง ควรดูสลากอาหารและเลือกอาหารที่ระบุว่าไม่ใส่สารกันบูด ควรหลีก เลี่ยงการบริโภคอาหารที่ไม่มีการระบุชัดเจนว่าใช้สารกันบูดหรือไม่ หลีกเลี่ยงการซื้ออาหารที่ผนึกขายในถุงพลาสติก หรือกล่องพลาสติกที่ไม่ได้ขายหมดวันต่อวัน หลีกเลี่ยงการซื้ออาหารที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะใส่สารกันบูด เช่น แหนม หมูยอ เนื้อเค็ม เนื้อแห้ง กุนเชียง และน้ำพริกชนิดต่าง ๆ เป็นต้น



วันพุธที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2560

สาร Sodium Hydrosulfite ( โซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ ) หรือสารฟอกขาว


สารฟอกขาวใช้กันอย่างหลากหลายในประเทศไทยในปัจจุบันในอาชีพพ่อค้าเเม่ขายฟอกขาวผักประเภทถั่วงอก กระท้อน เส้นต่างๆ เห็ดหูหนู ผ้าขี้ริ้ววัว ปลาหมึก ตีนไก่ ลูกชิ้น เป็นต้น เพื่อความขาวสะอาดน่าซื้อ เเต่ถ้าหากเราบริโภคสารนี้เป็นประจำสารนี้จะค่อยๆเข้าไปสะสมในร่างกายซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ ค่ะ


สารฟอกขาวคืออะไร
คือสารเคมีที่ใช้ฟอกอาหารเพื่อให้คงความสด ขาว สะอาดน่ารับประทาน ซึ่งสารฟอกขาวที่นิยมใช้กันแพร่หลายในประเทศไทยได้แก่ เกลืออนินทรีย์ของกรดซัลฟูรัสซึ่งแตกตัวให้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และสารประกอบซัลไฟต์ หรือชื่อทางการคือ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ โดยผู้ประกอบการจะผสมสารฟอกขาวลงไปในอาหารหลากหลายชนิด ตั้งแต่ผ้าขี้ริ้ววัว ปลาหมึก ตีนไก่ และลูกชิ้น เพื่อกำจัดคราบสีดำด่างในอาหาร นอกจากนั้นยังพบการเจือปนของสารฟอกขาวในผลไม้ที่ปอกเปลือกเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้นอกจากสารฟอกขาวจะทำให้อาหารขาว สะอาด สดน่ารับประทานแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการยับยั้งการเกิดสีน้ำตาลหรือสีคล้ำบนผิวอาหาร การเติมสารฟอกขาวลงไปจึงช่วยไม่ให้ผิวผลไม้ดูช้ำ หรือดำคล้ำ
ผลกระทบของสารต่อร่างกาย
การใช้สารฟอกขาวฟอกเห็ดทำให้อาหารไม่ดูช้ำ

หากผู้บริโภครับประทานอาหารที่มีสารเคมีในกลุ่มนี้มากเกินไป ทำให้เกิดอันตราย ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล เช่น ผู้เป็นหอบหืด อาการที่พบคือ หายใจขัด และเจ็บหน้าอก ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง เวียนศีรษะ ความดันเลือดต่ำ เป็นลมพิษ และอาจจะเกิดอาการช็อคหมดสติได้
ระดับความรุนแรง ขึ้นอยู่กับปริมาณการได้รับว่ามากน้อยเพียงใด นอกจากนั้นสารฟอกขาวยังทำปฏิกิริยากับวิตามินบางชนิด เช่น ไทอามีน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคขาดวิตามินนี้ได้ ถ้าได้รับสารฟอกขาวต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะสะสมทำให้รบกวนการทำงานของเอนไซม์ ทำให้มีผลเสียต่อระบบสมดุลของระบบเมตาบอลิซึมได้



                                                      ใช้สารฟอกขาวในเส้น


ใช้สารฟอกขาวในน้ำตาล


 สาร Borax (บอเเรกซ์ )




ผู้ผลิตในปัจจุบันนี้ล้วนที่อยากจะขายสิ้นค้าที่ดูดีเเละน่าซื้อจึงต้องลงทุนซื้อสารต่างๆเพื่อเรียกลูกค้าเเละทำให้สินค้าน่าซื้อน่ารับประทานสำหรับสาร บอเเรกซ์ ผู้ผลิตต้องการที่จะเพิ่มความนุ่มเด้ง ของอาหารประเภท ที่มีเเป้งประเภท ลูกชิ้น หมูปิ้ง ซาลาเปา  เป็นต้น โดยไม่คำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภค หรือผู้บริโภคอาจขาดความรู้เรื่องสารเหล่านี้ เพื่อความปลอดภัยเราลองมาศึกษาเกีี่ยวกับสาร บอเเเรกซ์ ที่ถูกผสมอยู่ในอาหารว่ามีโทษต่อเราอย่างไรบ้างค่ะ

สาร บอเเรกซ์ คืออะไร

  ผงบอแรกซ์เป็นสารอนินทรีย์สังเคราะห์ที่มีชื่อทางเคมีว่าโซเดียมบอเรท (Sodium borate) หรือที่บางคนเรียกว่าน้ำประสานทองแดง ผงกรอบ หรือในภาษาจีนที่เรียกว่าเม่งแซ

          บอแรกซ์มีลักษณะเป็นผงสีขาวขุ่น คล้ายแป้ง หรืออาจมีลักษณะเป็นเม็ดกลมขุ่น ขนาดเล็กกว่าเม็ดสาคู มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ดี มีรสชาติหวานเล็กน้อย

ลูกชิ้นมีสารบอเเรกซ์เพื่อเพิ่มความนุ่มให้ลูกชิ้น

พบใน

          อาหารที่มีบอแรกซ์ซึ่งพบได้บ่อยก็ได้แก่ ลูกชิ้น ทอดมัน มะม่วงดอง ไส้กรอก หัวไชโป๊ หมูยอ ผักกาดเค็ม เนื้อสัตว์บดสับ ทับทิมกรอบ ลอดช่อง อาหารชนิดแป้งกรุบกรอบ และเนื้อหมูสด ๆ โดยแม่ค้าพ่อค้าก็นิยมใช้ผงบอแรกซ์เพื่อให้อาหารมีความหยุ่นกรอบ คงตัวได้นาน และไม่บูดเสียง่ายนั่นเอง



สารบอเเรกซ์อาจถูกผสมอยู่ในหมูปิ้งเพื่อเพิ่มความนุ่ม

ผลกระทบของสารต่อร่างกาย
 ผู้ได้รับสารเข้าไปจะมีอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ หงุดหงิด ผิวหนังอักเสบ เป็นผื่นแดง ผมร่วงผิดปกติ คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บในช่องท้อง กระเพาะอาหารและลำไส้ อุจจาระเป็นเลือดในบางครั้ง หรือท้องร่วง 

วันอาทิตย์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2560


สารพิษในชีวิตประจำวัน



ทุกคนจะรู้หรือไม่ว่า สิ่งของที่เราใช้ในชีวิตประจำวันนั้นนอกจากจะมีประโยชน์เเล้ว เราจะรู้หรือไม่ว่ามันผลข้างเคียงเเละโทษอย่างไร เพราะในชีวิตประจำวันของเราล้วนมีสารพิษเเละสารเคมีเข้ามาเกี่ยงข้องด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็น น้ำยาเช็ดกระจก ยาฆ่าเเมลง ผงซักฟอก สบู่ ควันจากท่อไอเสีย กระทะ สีเคลือบ เป็นต้น มีสารเคมีปะปนอยู่มากมายอย่าง Triclosan Phthalates ,Bisphenol Carbon monoxide มาดูกันว่าผลิตภัณฑ์ที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน จะมีสารพิษสารเคมีปนเปื้ยนอยู่หรือไม่


ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด


มลละพิษจากการเผาใหม้ของท่อไอเสียรถยนต์


สารเคมีจากผงซักฟอก
formalde hyde ฟอร์มัลดีไฮด์



สาร ฟอร์มัลดีไฮด์ เป็นสารที่ใช้ฉีดศพเพื่อไม่ให้เน่าเปื่อย แต่ในปัจจุบันคนมักง่ายเอามาแช่ เนื้อสัตว์ให้คนกิน โดยไม่คำนึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภค แม้แต่ตัวผู้บริโภคเองก็ไม่มีความรู้ในเรื่องพวกนี้ ถ้าอย่างนั้น เรามีเรื่องสาร ฟอร์มัลดีไฮด์ มาให้อ่านกัน

สารformalde hydeคืออะไร
ฟอร์มาลดีไฮด์มีกลไกการออกฤทธิ์โดยการทำลายเซลล์ของเชื้อโรคเช่น เเบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส จึงสามารถนำมากำจัดเชื้อโรคในห้องปฏิบัติการต่างๆ ใช้ดองศพ และสำหรับการกำจัดหูด ฟอร์มาลดีไฮด์จะทำให้หูดมีอาการแข็งตัวและหลุดลอกได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังสามารถทำลายไวรัสที่เป็นสาเหตุของหูดอีกด้วย จากกลไกเหล่านี้จึงก่อให้เกิดฤทธิ์ตามสรรพคุณ



ผลกระทบต่อร่างกาย

 ระคายเคืองในบริเวณผิวหนังที่สัมผัสฟอร์มาลดีไฮด์รวมถึงอาจเกิดเเผลที่ผิวหนังส่วนนั้น ไอระเหยจะทำให้เเสบตาระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ ถ้าบริโภคจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย ปัสสาวะไม่ออก เกิดอาการชักงิงเวียน


หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ สมัยนี้ อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัดกันไป ซื้อหลอดไฟยังเลือกหลอดประหยัดไฟเลยค่ะ แต่ระวังให้ดีนะคะ หลอดประหยัดไฟ (...