หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์
สมัยนี้ อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัดกันไป ซื้อหลอดไฟยังเลือกหลอดประหยัดไฟเลยค่ะ แต่ระวังให้ดีนะคะ หลอดประหยัดไฟ (หลอดฟลูออเรสเซนต์, หลอดตะเกียบ) เป็นภัยเงียบ! มีอันตรายที่คุณอาจยังไม่รู้ค่ะ
หลอดฟลูออเรสเซนต์คืออะไร
งานวิจัยชิ้นหนึ่งในเยอรมันประกาศเตือนว่า หลอดประหยัดไฟประเภทหลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดตะเกียบจะปล่อยไอปรอทกระจายในอากาศสูงถึง 20 เท่า ถ้าหลอดไฟแตก ก๊าซพิษจะรั่วไหลปนเปื้อนในอากาศและสิ่งแวดล้อม องค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของอเมริกา (EPA) ถึงกับออกประกาศขั้นตอนการจัดการซากหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่แตกอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันประชาชนจากอันตรายใกล้ตัว
ผลกระทบต่อร่างกาย
รู้หรือไม่ หลอดฟลูออเรสเซนต์อาจทำให้…
- เวียนหัว
- ปวดหัวแบบมาเป็นชุด ๆ เวลาเดิมทุกวัน (cluster headache)
- ปวดไมเกรน
- ชัก
- อิดโรย เหนื่อยล้า
- ไม่มีสมาธิ
- มะเร็ง
ภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในหลอดฟลูออเรสเซนต์
- สารปรอท
สารปรอทมีพิษร้ายแรงต่อระบบประสาท โดยเฉพาะกับเด็กและคนท้อง พิษจะเข้าไปทำลายสมอง ระบบประสาท ตับ ไต แล้วยังทำให้หลอดเลือดหัวใจ ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบสืบพันธุ์มีปัญหา ส่งผลให้รู้สึกเครียด ปวดหัว ตัวสั่น นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม หนัก ๆ เข้าอาจถึงขั้นเป็นอัลไซเมอร์กันเลยทีเดียว
- สารก่อมะเร็ง
งานวิจัยชิ้นใหม่จากแล็บวิจัย ALAB เบอร์ลิน รายงานว่า หลอดประหยัดไฟมีส่วนประกอบที่เป็นสารก่อมะเร็งหลายตัว เช่น
ฟีนอล (phenol) – ผลึกสีขาวที่ได้จากน้ำมันดิน มีฤทธิ์กรดอ่อน มักใช้ในอุตสาหกรรมเคมีหลายประเภท เช่น ยา น้ำยาทำความสะอาด ยากำจัดศัตรูพืช สีย้อม
เนฟทาลิน (Naphthalene) – สารประกอบสีขาวที่ได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิน มีกลิ่นฉุน ระเหิดได้ ใช้ทำลูกเหม็นและเป็นสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมเคมี เช่น สี กระดาษสำเนา
สไตริน (Styrene) – สารไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัวที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เป็นสารตั้งต้นใช้ทำกล่องโฟม
- รังสี UV
หลอดประหยัดไฟปล่อยทั้งรังสี UVB และ UVC ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวหนังและสายตา รังสีเหล่านี้จะไปรบกวนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่งผลให้ผิวหนังชะลอการสังเคราะห์วิตามินดี 3 ถ้ามีรังสียูวีสะสมมาก ๆ อาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้
ภัยเงียบจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์